Friday, September 18, 2009

คุยกับเซียนหุ้น ::: คิดอย่างวอร์เรน บัฟเฟต : ValueWay

Value Way ฉบับวันที่ 21 กันยายน 2552

คิดอย่างวอร์เรน บัฟเฟต วอร์เรน

บัฟเฟตใฟ้สัมภาษณ์ ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 กันยายน

ที่ผ่านมา เกี่ยวกับมุมมอง ต่อภาวะปัจจุบัน

ของวิกฤติเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่น่าสนใจติดตาม

ว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างในช่วงเวลานี้


ถาม: ตอนนี้ หลายคน บอกว่าภาวะเศรษฐกิจ

ถดถอย ของสหรัฐอเมริกา ได้จบลงแล้ว

คุณมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้าง


บัฟเฟต : ผมคงไม่รู้คำตอบ ของคำถามนี้

เพราะผมไม่ใช่กูรู ทางด้านเศรษฐศาสตร์

ที่แท้จริง ผมไม่ค่อยได้กังวล ในเรื่องของเศรษฐกิจ

สักเท่าไหร่ จริงๆแล้ว เราเพิ่งซื้อหุ้นเมื่อเช้านี้เอง

แต่เราซื้อหุ้น ไม่ใช่เพราะคิดว่า เรากำลังจะ

หลุดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ในอีกสามเดือนหกเดือน

หรือหนึ่งปีข้างหน้า เราซื้อหุ้นเพราะมันมีมูลค่าที่ดี

ในระยะยาว ผมว่าข้อผิดพลาดของนักลงทุนส่วนใหญ่

คือมักจะสนใจ ในการทำนายผลประกอบการของบริษัท

มากกว่าสนใจในมูลค่าที่แท้จริง สำหรับธุรกิจของเบริคไชน์แล้ว

เรายังมองไม่เห็นการฟื้นตัวของธุรกิจ แต่ขณะเดียวกัน

ก็ไม่มีสัญญานของการถดถอยเพิ่มขึ้น


ถาม: แสดงว่าคุณยังไม่เห็นสัญญานการฟื้นตัว

ของธุรกิจของเบริ์คไชน์ตั้งแต่ธุรกิจเสื้อผ้า

เฟอร์นิเจอร์จนถึงธุรกิจประกันใช่ไหม


บัฟเฟต : ใช่ เรายังไม่เห็น การฟื้นตัวของธุรกิจเหล่านี้

ยกเว้น ตลาดของอสังหาริมทรัพย์ ยอดขายของธุรกิจอื่นๆ

ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด


ถาม: คุณคิดว่าเรากำลังอยู่ในช่วงเศรษฐกิจทรงตัวใช่ไหม


บัฟเฟต : เราไม่รู้หรอกว่า เมื่อไหร่เศรษฐกิจจะฟื้นตัว

ขึ้นมากกว่านี้ ตลาดอสังหาตอนนี้ดูดีกว่าปีที่แล้ว

ยอดขายพรมของเราดีขึ้น แต่ยอดขายเฟอร์นิเจอร์

ไม่ได้กระเตื้องขึ้นเลย


ถาม: วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่เลห์แมน บราเดอร์

ล้มละลาย คุณคิดว่า เราได้บทเรียนอะไร

จากวิกฤติคราวนี้บ้าง


บัฟเฟต : เราประสบปัญหาฟองสบู่ขนาดยักษ์

ในตลาดอสังหาริมทรัพย์์และส่งผลกระทบไปทั่วโลก

ผู้คนอยู่ในความเพ้อฝันที่ว่าราคาบ้านมีแต่จะเพิ่มขึ้น

รวมถึงคนในวงการธนาคารและประกันด้วย

แต่ก่อนเราเคยคิดกันว่าเมื่อสถาบันการเงินขนาดใหญ่

สักแห่งล้มลงจะเกิด”ปรากฏการณ์โดมิโน”

และปีที่แล้วเหตุการณ์โดมิโนได้เกิดขึ้นจริงๆ

และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ดังนั้นในอนาคต

เราควรจะมีระบบ ที่คอยควบคุม ให้ผู้บริหาร

สถาบันการเงินเหล่านั้น ต้องรับผิดชอบด้วย

ถ้าการบริหารเงินทุนเกิดผลเสียต่อบริษัท

ไม่ใช่ได้ประโยชน์แต่อย่างเดียว


ถาม: แล้วคุณคิดว่าจะทำอย่างที่คุณว่าได้จริงๆหรือ

บัฟเฟต : ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่สิ่งที่น่าจะเปลี่ยนได้ คือการทำให้ผู้บริหาร

สถาบันการเงินเหล่านั้นดำเนินธุรกิจให้ดีขึ้น

โดยมองถึงผลบวกและผลลบของการตัดสินใจ

ในการทำธุรกิจ ไม่ใช่ดูแต่ด้านบวกเพียงอย่างเดียว

เราได้บทเรียนจากการแห่ตามกันของฝูงชนมาแล้ว

ทุกคนคิดว่าราคาบ้านมีแต่จะเพิ่มขึ้น ทุกคนมอง

แต่ด้านดีโดยไม่ได้นึกว่าผลลบของมันเป็นอย่างไร

เราทำตามเพื่อนบ้าน หรือคนอื่นๆที่ทำเงินได้มากมาย

อย่างง่ายๆ พวกเราสร้างฟองสบู่ลูกนี้ขึ้นมาเอง

และเรื่องราวการตามฝูงชนแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่

อะไรเลย….ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย



--------เราซื้อหุ้น ไม่ใช่เพราะคิดว่า เรากำลังจะหลุด

จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ในอีกสามเดือนหกเดือน

หรือหนึ่งปีข้างหน้า เราซื้อหุ้นเพราะมันมีมูลค่าที่ดี

ในระยะยาว ผมว่าข้อผิดพลาดของนักลงทุนส่วนใหญ่

คือมักจะสนใจ ในการทำนายผลประกอบการของบริษัท

มากกว่าสนใจในมูลค่าที่แท้จริง--------


บทความ โดย... วิบูลย์ พึงประเสริฐ

No comments:

Post a Comment

Custom Search

Followers